ทุกครั้งก่อนที่เราจะเลือกใช้บริการ VPN ก็มักจะมีคำถามหนึ่งที่ผุดเข้ามาในสมองของเราคือ VPN ถูกกฎหมายหรือไม่
ตอนนี้ยังคงมีการโต้วาทีกันเกี่ยวกับสถานะของ VPN แต่คำตอบสั้น ๆ ก็คือ VPN นั้นถูกกฎหมาย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเทศที่มันอาศัยอยู่ด้วย
เดิมที VPN ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยของธุรกิจ องค์กร และรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีการใช้ VPN เพื่อทำกิจกรรมที่เป็นการประสงค์ร้ายและกิจกรรมลับ เช่น การแชร์ไฟล์ที่ผิดกฎหมาย การแฮ็กข้อมูล การเฝ้าติดตามทางอินเทอร์เน็ต การสร้าง ขาย หรือดาวน์โหลดเว็บมืด และอื่น ๆ กิจกรรมเหล่านี้เป็นเหตุให้หลายประเทศ และคณะรัฐบาลแบนการใช้ VPN และประกาศให้มันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ดังนั้น VPN ผิดกฎหมายหรือไม่ในประเทศของคุณ มาดูกันเลย
ประเทศที่ VPN เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
• จีน
แม้ว่าประเทศจีนจะไม่ได้แบนบริการ VPN อย่างเต็มรูปแบบ แต่คุณก็สามารถใช้ VPN ที่รัฐบาลให้การอนุมัติเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่า มันเป็นการให้สิทธิ์รัฐบาลจีนคอยเฝ้าดูกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตของคุณ ซึ่งเป็นการปราชัยจุดประสงค์ทั้งหมดของการใช้ VPN เลยจริง ๆ
แม้ว่าประเทศจีนจะไม่ได้แบนบริการ VPN อย่างเต็มรูปแบบ แต่คุณก็สามารถใช้ VPN ที่รัฐบาลให้การอนุมัติเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่า มันเป็นการให้สิทธิ์รัฐบาลจีนคอยเฝ้าดูกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตของคุณ ซึ่งเป็นการปราชัยจุดประสงค์ทั้งหมดของการใช้ VPN เลยจริง ๆ
• รัสเซีย
รัสเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อนุญาตให้ใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเท่านั้น กฎหมายของประเทศนี้เคร่งครัดมาก หากมีการตรวจพบว่าคุณใช้ VPN ที่ไม่ได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลล่ะก็ คุณอาจจะถูกจับและต้องโทษปรับหลายสถาน เช่น โทษปรับผู้ให้บริการจำนวน 12,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และปรับผู้ใช้บริการ 5,100 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
รัสเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อนุญาตให้ใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเท่านั้น กฎหมายของประเทศนี้เคร่งครัดมาก หากมีการตรวจพบว่าคุณใช้ VPN ที่ไม่ได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลล่ะก็ คุณอาจจะถูกจับและต้องโทษปรับหลายสถาน เช่น โทษปรับผู้ให้บริการจำนวน 12,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และปรับผู้ใช้บริการ 5,100 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
• อิหร่าน
ตามกันมาติด ๆ ประเทศอิหร่านเองก็อนุญาตให้ใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลเท่านั้นด้วยเช่นกัน ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ถ้าหากคุณถูกตรวจพบว่าใช้ VPN ที่ผิดกฎหมาย คุณอาจจะถูกตัดสินจำคุก 91 วัน หรือนานถึง 1 ปี
ตามกันมาติด ๆ ประเทศอิหร่านเองก็อนุญาตให้ใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลเท่านั้นด้วยเช่นกัน ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ถ้าหากคุณถูกตรวจพบว่าใช้ VPN ที่ผิดกฎหมาย คุณอาจจะถูกตัดสินจำคุก 91 วัน หรือนานถึง 1 ปี
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกก่อนว่าการจับกุมด้วยข้อหาดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะทางรัฐบาลอิหร่านจะต่อต้านฝ่ายตรงข้าม และจะไม่ทำร้ายประชากรเครือข่ายที่ใช้ VPN ในการกิจกรรมออนไลน์ปรกติ เช่นการท่องเว็บไปใช้งาน Facebook
• สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะเรียกค่าปรับเป็นเงินมากถึง 40,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือตัดสินลงโทษบุคคลใด ๆ ที่ตรวจพบว่ามีความผิดโทษฐานใช้ที่อยู่ IP ปลอมในการก่ออาชญากรรม นอกจากนี้ เพียงแค่คุณใช้ VPN เพื่อเข้าใช้งาน Skype คุณก็อาจจะต้องโทษได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้มีบังคับใช้แก่บุคคลธรรมดาทั่วไปเท่านั้น กล่าวคือ ธนาคาร สถาบัน และบริษัทต่าง ๆ ได้รับการอนุญาตให้ใช้ VPN ได้
• โอมาน VPN
โอมานอนุญาตให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลแล้วเท่านั้น มิเช่นนั้นคุณอาจจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 500 เรียลโอมาน ซึ่งเมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์จะอยู่ที่ 1300 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท ห้างร้านใด ๆ ที่ดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายอาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และโดนต้องโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 เรียลโอมาน หรือ 2,600 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
โอมานอนุญาตให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลแล้วเท่านั้น มิเช่นนั้นคุณอาจจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 500 เรียลโอมาน ซึ่งเมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์จะอยู่ที่ 1300 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท ห้างร้านใด ๆ ที่ดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายอาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และโดนต้องโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 เรียลโอมาน หรือ 2,600 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
• ตุรกี
ตุรกีเป็นประเทศที่ถูกจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ใช้ VPN อย่างเต็มรูปแบบ แต่อย่าเพิ่งเป็นกังวลไป เพราะคุณยังคงสามารถใช้ VPN บางเจ้าที่ให้การหลีกเลี่ยงการปิดกั้นจากทางรัฐบาลได้
ตุรกีเป็นประเทศที่ถูกจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ใช้ VPN อย่างเต็มรูปแบบ แต่อย่าเพิ่งเป็นกังวลไป เพราะคุณยังคงสามารถใช้ VPN บางเจ้าที่ให้การหลีกเลี่ยงการปิดกั้นจากทางรัฐบาลได้
• อิรัก
อิรักได้แบนการใช้ VPN อย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันการก่อการร้าย และป้องกันการลงสื่อล้างสมองทางโซเชียลมีเดียของกลุ่ม ISIS ทั้งนี้อิรักยังคงแบนแอปพลิเคชันสนทนาต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียอีกด้วย หากแต่ สำนักงานรัฐบาล และสถาบันต่าง ๆ ได้รับสิทธิ์การใช้บริการเหล่านั้นโดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
อิรักได้แบนการใช้ VPN อย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันการก่อการร้าย และป้องกันการลงสื่อล้างสมองทางโซเชียลมีเดียของกลุ่ม ISIS ทั้งนี้อิรักยังคงแบนแอปพลิเคชันสนทนาต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียอีกด้วย หากแต่ สำนักงานรัฐบาล และสถาบันต่าง ๆ ได้รับสิทธิ์การใช้บริการเหล่านั้นโดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
• เกาหลีเหนือ
คงไม่ต้องพูดอธิบายอะไรมากมายสำหรับนโยบายความเป็นอนุรักษ์นิยมของเกาหลีเหนือ แน่นอนว่ารัฐบาลได้แบนการใช้ VPN อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวได้รับสิทธิ์ให้ใช้ซอฟต์แวร์ VPN ได้ และยังไม่หมดแค่นี้ ประเทศเกาหลีเหนือยังแบนการใช้อินเทอร์เน็ตเมื่อนักการทูตเกาหลีเหนือเดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย
คงไม่ต้องพูดอธิบายอะไรมากมายสำหรับนโยบายความเป็นอนุรักษ์นิยมของเกาหลีเหนือ แน่นอนว่ารัฐบาลได้แบนการใช้ VPN อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวได้รับสิทธิ์ให้ใช้ซอฟต์แวร์ VPN ได้ และยังไม่หมดแค่นี้ ประเทศเกาหลีเหนือยังแบนการใช้อินเทอร์เน็ตเมื่อนักการทูตเกาหลีเหนือเดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย
• เติร์กเมนิสถาน
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้ปิดกั้นการใช้ VPN และพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ มากไปกว่านั้น ผู้ใช้รายได้ที่ถูกตรวจพบว่าใช้บริการเหล่านั้นจะถูกหมายเรียกตัวจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอีกด้วย
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้ปิดกั้นการใช้ VPN และพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ มากไปกว่านั้น ผู้ใช้รายได้ที่ถูกตรวจพบว่าใช้บริการเหล่านั้นจะถูกหมายเรียกตัวจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอีกด้วย
• เบลารุส
นอกจากการปิดกั้นบริการ VPN แล้ว ประเทศเบลารุสยังทำการปิดกั้นเว็บไซต์จากต่างประเทศไม่ให้ประชาชนเข้าถึงได้อีกด้วย ดังนั้น คุณจะไม่สามารถเข้าใช้งาน VPN ในประเทศเบลารุส และทำผิดกฎซึ่งอาจมีโทษปรับได้
นอกจากการปิดกั้นบริการ VPN แล้ว ประเทศเบลารุสยังทำการปิดกั้นเว็บไซต์จากต่างประเทศไม่ให้ประชาชนเข้าถึงได้อีกด้วย ดังนั้น คุณจะไม่สามารถเข้าใช้งาน VPN ในประเทศเบลารุส และทำผิดกฎซึ่งอาจมีโทษปรับได้
คุณจะถูกปรับโทษฐานที่ใช้ VPN ได้หรือไม่
ไม่ได้! ตราบใดที่คุณไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศที่จำกัดสิทธิ์ หรือแบนการใช้อินเทอร์เน็ต คุณจะไม่มีทางโดนปรับด้วยข้อหาการใช้ VPN อย่างไรก็ตาม ในประเทศที่อนุญาตให้ใช้ VPN นั้น คุณอาจถูกฟ้องร้องได้ถ้ามีการตรวจพบว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำต่าง ๆ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
มากไปกว่านั้น การใช้ VPN อาจจะไม่ได้ช่วยให้คุณรอดจากการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ด้วยเหมือนกัน กล่าวคือ มี VPN หลายเจ้าที่เก็บบันทึกประวัติการใช้งานของคุณ และพวกเขาสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปแสดงให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหากได้รับการร้องขอ
ดังนั้น กล่าวโดยสรุปคือ ถ้าหากคุณใช้ VPN เพื่อความบันเทิง และคุณอยู่อาศัยในประเทศที่ไม่มีการปิดกั้น แบน หรือจำกัดสิทธิ์การใช้ VPN แล้วล่ะก็ คุณจะไม่มีทางถูกปรับข้อหาการใช้ VPN ได้เลย