VPN ผิดกฎหมายหรือไม่

Download Astro
Download Astro
1 มิถุนายน 2022
ทุกครั้งก่อนที่เราจะเลือกใช้บริการ VPN ก็มักจะมีคำถามหนึ่งที่ผุดเข้ามาในสมองของเราคือ VPN ถูกกฎหมายหรือไม่
ตอนนี้ยังคงมีการโต้วาทีกันเกี่ยวกับสถานะของ VPN แต่คำตอบสั้น ๆ ก็คือ VPN นั้นถูกกฎหมาย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเทศที่มันอาศัยอยู่ด้วย
เดิมที VPN ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยของธุรกิจ องค์กร และรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีการใช้ VPN เพื่อทำกิจกรรมที่เป็นการประสงค์ร้ายและกิจกรรมลับ เช่น การแชร์ไฟล์ที่ผิดกฎหมาย การแฮ็กข้อมูล การเฝ้าติดตามทางอินเทอร์เน็ต การสร้าง ขาย หรือดาวน์โหลดเว็บมืด และอื่น ๆ กิจกรรมเหล่านี้เป็นเหตุให้หลายประเทศ และคณะรัฐบาลแบนการใช้ VPN และประกาศให้มันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ดังนั้น VPN ผิดกฎหมายหรือไม่ในประเทศของคุณ มาดูกันเลย
 
ประเทศที่ VPN เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
 
 
• จีน
แม้ว่าประเทศจีนจะไม่ได้แบนบริการ VPN อย่างเต็มรูปแบบ แต่คุณก็สามารถใช้ VPN ที่รัฐบาลให้การอนุมัติเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่า มันเป็นการให้สิทธิ์รัฐบาลจีนคอยเฝ้าดูกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตของคุณ ซึ่งเป็นการปราชัยจุดประสงค์ทั้งหมดของการใช้ VPN เลยจริง ๆ
 
• รัสเซีย
รัสเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อนุญาตให้ใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเท่านั้น กฎหมายของประเทศนี้เคร่งครัดมาก หากมีการตรวจพบว่าคุณใช้ VPN ที่ไม่ได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลล่ะก็ คุณอาจจะถูกจับและต้องโทษปรับหลายสถาน เช่น โทษปรับผู้ให้บริการจำนวน 12,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และปรับผู้ใช้บริการ 5,100 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
 
• อิหร่าน
ตามกันมาติด ๆ ประเทศอิหร่านเองก็อนุญาตให้ใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลเท่านั้นด้วยเช่นกัน ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ถ้าหากคุณถูกตรวจพบว่าใช้ VPN ที่ผิดกฎหมาย คุณอาจจะถูกตัดสินจำคุก 91 วัน หรือนานถึง 1 ปี
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกก่อนว่าการจับกุมด้วยข้อหาดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะทางรัฐบาลอิหร่านจะต่อต้านฝ่ายตรงข้าม และจะไม่ทำร้ายประชากรเครือข่ายที่ใช้ VPN ในการกิจกรรมออนไลน์ปรกติ เช่นการท่องเว็บไปใช้งาน Facebook
 
• สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะเรียกค่าปรับเป็นเงินมากถึง 40,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือตัดสินลงโทษบุคคลใด ๆ ที่ตรวจพบว่ามีความผิดโทษฐานใช้ที่อยู่ IP ปลอมในการก่ออาชญากรรม นอกจากนี้ เพียงแค่คุณใช้ VPN เพื่อเข้าใช้งาน Skype คุณก็อาจจะต้องโทษได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้มีบังคับใช้แก่บุคคลธรรมดาทั่วไปเท่านั้น กล่าวคือ ธนาคาร สถาบัน และบริษัทต่าง ๆ ได้รับการอนุญาตให้ใช้ VPN ได้
 
• โอมาน VPN
โอมานอนุญาตให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้ VPN ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลแล้วเท่านั้น มิเช่นนั้นคุณอาจจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 500 เรียลโอมาน ซึ่งเมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์จะอยู่ที่ 1300 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท ห้างร้านใด ๆ ที่ดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายอาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และโดนต้องโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 เรียลโอมาน หรือ 2,600 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
 
• ตุรกี
ตุรกีเป็นประเทศที่ถูกจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ใช้ VPN อย่างเต็มรูปแบบ แต่อย่าเพิ่งเป็นกังวลไป เพราะคุณยังคงสามารถใช้ VPN บางเจ้าที่ให้การหลีกเลี่ยงการปิดกั้นจากทางรัฐบาลได้
 
• อิรัก
อิรักได้แบนการใช้ VPN อย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันการก่อการร้าย และป้องกันการลงสื่อล้างสมองทางโซเชียลมีเดียของกลุ่ม ISIS  ทั้งนี้อิรักยังคงแบนแอปพลิเคชันสนทนาต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียอีกด้วย หากแต่ สำนักงานรัฐบาล และสถาบันต่าง ๆ ได้รับสิทธิ์การใช้บริการเหล่านั้นโดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
 
• เกาหลีเหนือ
คงไม่ต้องพูดอธิบายอะไรมากมายสำหรับนโยบายความเป็นอนุรักษ์นิยมของเกาหลีเหนือ แน่นอนว่ารัฐบาลได้แบนการใช้ VPN อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวได้รับสิทธิ์ให้ใช้ซอฟต์แวร์ VPN ได้ และยังไม่หมดแค่นี้ ประเทศเกาหลีเหนือยังแบนการใช้อินเทอร์เน็ตเมื่อนักการทูตเกาหลีเหนือเดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย
 
• เติร์กเมนิสถาน
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้ปิดกั้นการใช้ VPN และพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ มากไปกว่านั้น ผู้ใช้รายได้ที่ถูกตรวจพบว่าใช้บริการเหล่านั้นจะถูกหมายเรียกตัวจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอีกด้วย
 
• เบลารุส
นอกจากการปิดกั้นบริการ VPN แล้ว ประเทศเบลารุสยังทำการปิดกั้นเว็บไซต์จากต่างประเทศไม่ให้ประชาชนเข้าถึงได้อีกด้วย ดังนั้น คุณจะไม่สามารถเข้าใช้งาน VPN ในประเทศเบลารุส และทำผิดกฎซึ่งอาจมีโทษปรับได้
 
 
คุณจะถูกปรับโทษฐานที่ใช้ VPN ได้หรือไม่
 
ไม่ได้! ตราบใดที่คุณไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศที่จำกัดสิทธิ์ หรือแบนการใช้อินเทอร์เน็ต คุณจะไม่มีทางโดนปรับด้วยข้อหาการใช้ VPN อย่างไรก็ตาม ในประเทศที่อนุญาตให้ใช้ VPN  นั้น คุณอาจถูกฟ้องร้องได้ถ้ามีการตรวจพบว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำต่าง ๆ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
มากไปกว่านั้น การใช้ VPN อาจจะไม่ได้ช่วยให้คุณรอดจากการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ด้วยเหมือนกัน กล่าวคือ มี VPN หลายเจ้าที่เก็บบันทึกประวัติการใช้งานของคุณ และพวกเขาสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปแสดงให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหากได้รับการร้องขอ
ดังนั้น กล่าวโดยสรุปคือ ถ้าหากคุณใช้ VPN เพื่อความบันเทิง และคุณอยู่อาศัยในประเทศที่ไม่มีการปิดกั้น แบน หรือจำกัดสิทธิ์การใช้ VPN แล้วล่ะก็ คุณจะไม่มีทางถูกปรับข้อหาการใช้ VPN ได้เลย