VPN รั่วคืออะไร และจะทดสอบมันได้อย่างไร

Download Astro
Download Astro
5 มิถุนายน 2022

 

บ่อยครั้งที่ VPN นั้นโน้มน้าวว่าเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยในการปกป้องข้อมูลของคุณ แต่การทดสอบไม่นานมานี้พบว่า VPN ส่วนใหญ่ หรือมากกว่า 80% จากทั้งหมดนั้นจริงๆ แล้วมีการรั่วไหลของข้อมูลซึ่งเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน
นี่เป็นข้อหักล้างเหตุผลสำคัญที่ต้องใช้ VPN การที่คุณไม่รู้ว่าบริการดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลของคุณนั้นเป็นอันตรายต่อการรักษาความปลอดภัยของคุณเอง ดังนั้นให้เราอธิบายว่าข้อมูลรั่วไหลจาก VPN ได้อย่างไรกันดีไหม
 
การทดสอบนี้ถือว่าข้อโต้แย้งเหตุผลสำคัญที่ต้องใช้ VPN แถมคุณก็ไม่รู้ว่าบริการดังกล่าวที่เปิดเผยข้อมูลของคุณนั้นเป็นอันตรายต่อการรักษาความปลอดภัยของคุณหลายด้านทีเดียว ดังนั้นให้เราอธิบายว่าข้อมูลรั่วไหลจาก VPN ได้อย่างไรกันดีไหม
ในบทความด้านล่างคุณจะได้รู้เกี่ยวกับวิธีการทดสอบ VPN รั่ว และประเภทต่างๆ ของการรั่วไหลและวิธีการแก้ไข
 
 
จะตรวจสอบการรั่วของ VPN อย่างไร
 
มีเว็บไซต์จำนวนมากที่สามารถช่วยคุณตรวจสอบการรั่วไหลของ VPN แต่คุณสามารถทดสอบแบบเบ็ดเสร็จในที่เดียวที่เว็บ ipleak.net แต่ก่อนที่คุณจะทำการทดสอบ คุณจำเป็นต้องรู้ที่อยู่ IP4 และ IP6 ของคุณและ DNS ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณก่อน
 
ให้เข้าเว็บไซต์ ipleak.net ขณะที่ปิดการเชื่อมต่อกับ VPN ของคุณ ขณะที่คุณเข้าสู่เว็บ คุณจะได้เห็นข้อมูล 3 ส่วนได้แก่ 1) ที่อยู่ IP ของคุณ 2) ที่อยู่ IP ของคุณจาก WebRTC และ 3) ที่อยู่ DNS ให้คุณจดที่อยู่ IP ในส่วนแรก และที่อยู่ DNS ในส่วนสุดท้าย
 
เมื่อคุณพร้อมทดสอบแล้ว เชื่อมต่อเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ VPN ของคุณ จากนั้นเข้า ipleak.net อีกครั้ง หากคุณเห็นที่อยู่ IPv4 หรือ IPv6 ที่คุณจดไว้ในตอนแรก นั่นหมายถึง VPN ของคุณทำที่อยู่ IP รั่ว หากคุณเห็นที่อยู่ IP ที่จดไว้ของคุณในส่วนที่ 2 นั่นหมายถึงเกิดการรั่วไหลที่ WebRTC และสุดท้าย หากคุณเห็น DNS ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณในส่วนที่ 3 แปลว่าข้อมูล DNS ของคุณรั่ว
 
 
ที่อยู่ IP รั่ว
 
หากคุณพบว่าที่อยู่ IP ของคุณรั่ว นั่นหมายความที่อยู่ IP ที่แท้จริงของคุณนั้นยังคงถูกป่าวประกาศให้คนในโลกได้รู้ และด้วยที่อยู่ IP คนอื่นจะรู้ตำแหน่งแถมยังใช้มันแกะรอยกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้ ปัญหาการรั่วไหลของที่อยู่ IP นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับแค่ปัญหาการรักษาความปลอดภัย แต่มันยังให้ตำแหน่งที่อยู่จริงของคุณและทำให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกบล็อคในบางพื้นที่ไม่ได้อีกด้วย
 
หากคุณทำการทดสอบและพบว่า VPN ที่คุณใช้งานนั้นมีการรั่วไหลของที่อยู่ IP ทางแก้ไขทางหนึ่งคือเพิ่มกฎของไฟล์วอลด้วยตัวคุณเอง คอมพิวเตอร์ทั้งระบบ Windows และ Mac นั้นติดตั้งมาพร้อมกับไฟร์วอลที่ปรับแต่งได้ ไปที่ปรับค่าไฟร์ฟอล จากนั้นตั้งกฎให้บล็อคการรับส่งข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่ใช่จาก VPN ของคุณ นี่อาจจะช่วยป้องกันปัญหา IP รั่วในครั้งต่อไปได้
 
WebRTC รั่ว
หากคุณพบการรั่วของ WebRTC นั่นหมายความว่าปัญหานั้นไมได้มาจาก VPN ของคุณ แต่มากจากบราวเซอร์ที่คุณใช้ ถึงแม้ว่า VPN ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันปัญหานี้ อย่างไรก็ตามมี VPN บางเจ้าที่ป้องกันปัญหานี้ได้
 
WebRTC นั้นเป็นเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การรับส่งเสียง การแชทผ่านวิดีโอ และการแชร์ไฟร์ด้วยระบบ P2P นั้นเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะให้ประโยชน์มากมาย มันก็สร้างความเสี่ยงต่อการรักษาความปลอดภัย โดย WebRTC นั้นยอมให้มีการขอที่อยู่ IP จากเซิร์ฟเวอร์ STUN และนั่นทำให้ที่อยู่ IP ของคุณถูกเปิดเผย และนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าการรั่วไหลจาก WebRTC
 
วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือปิด WebRTC ของบราวเซอร์คุณ ส่วนวิธีการปิดนั้นขึ้นอยู่กับบราวเซอร์ที่คุณใช้ ให้คุณค้นหาวิธีการใช้งานบราวเซอร์ของคุณจาก Google
 
โชคไม่ดีนักที่ Chrome ไม่ยอมให้คุณปิด WebRTC แต่มีส่วนขยาย (add-on) สองอย่างที่คุณสามารถติดตั้งเพื่อป้องกันการรั่วไหล ได้แก่ WebRTC leak prevent และ uBlock Origin ซึ่งสามารถป้องกันการรั่วไหล่ของ WebRTC ได้ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ไว้คือทางแก้ปัญหานี้อาจจะไม่ได้ผล 100%
 
 
DNS รั่ว
 
การรั่วไหลประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อ DNS query (การขอ DNS) นั้นถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณโดยตรง แทนที่จะผ่านทางเส้นทาง VPN ของคุณ ซึ่ง DNS query นั้นเกิดขึ้นทุกครั้งที่คุณเข้าสู้เว็บไซต์ทางอุปกรณ์ของคุณ ดังนั้นหาก DNS รั่ว ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะเข้าสู่ประวัติการเข้าเว็บ และรู้ว่าคุณเข้าชมเว็บไซต์ไหนบ้างได้
 
หากคุณพบว่า DNS รั่ว มีวิธีแก้ไขสองสามทางที่คุณอาจลองใช้
 
การรั่วไหลของ DNS นั้นมักจะเกิดจากการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง บางครั้งถึงแม้ว่าคุณกำลังใช้ VPN อยู่ก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคุณยังคงใช้เส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่เป็นค่าตั้งต้นแทนการใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS ที่ VPN กำหนด นี่เป็นปัญหาที่พบบ่อยๆ ในอุปกรณ์ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Window เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ให้เปลี่ยนไปใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS แบบ static คุณอาจจะลองใช้บริการ DNS สาธารณะอย่าง 8.8.8.8 หรือ Open NIC Project
 
VPN บางเจ้านั้นมีฟีเจอร์เสริมที่ป้องกันการรั่วไหลของ DNS ให้คุณลองสำรวจซอฟต์แวร์ VPN และดูว่ามีฟีเจอร์ดังกล่าวหรือไม่ ทางออกนี้อาจจะง่ายๆ แค่ดูว่าฟีเจอร์ดังกล่าวนั้นเปิดใช้งานอยู่
 
 
VPN ที่ไม่มีการรั่วไหล
 
ถึงแม้ว่าทางออกที่กล่าวมาด้านบนจะช่วยคุณป้องกันการรั่วไหลข้อมูลจาก VPN ของคุณ แต่ความเป็นจริงแล้วหากคุณพบการรั่วไหลจาก VPN ที่ใช้อยู่นั่นแปลว่าคุณใช้ VPN ที่ด้อยคุณภาพและควรเปลี่ยนไปใช้เจ้าที่ให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่า
 
เนื่องจากบริการ VPN นั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีบริการเจ้าใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ในขณะที่บางเจ้านั้นใช้งานได้ บางเจ้านั้นมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเกณฑ์และและปกป้องข้อมูลของคุณแค่เล็กน้อย ทางที่ดีที่สุดคือการค้นคว้าก่อนที่จะเลือกสมัครใช้บริการ VPN
 
ด้านล่างนั้นเป็นรายชื่อ VPN 5 เจ้าที่ผ่านการทดสอบอย่างถี่ถ้วนว่าจะไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลคุณ
 
 
VPN เหล่านี้ไม่เพียงแค่ป้องกันการรั่วของที่อยู่ IP และการขอ DNS ของคุณ แต่ยังใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนเพื่อการป้องกันการรั่วทาง WebRTC ด้วย
 
ทางแก้ปัญหา VPN รั่วที่ง่ายที่สุดคือการเปลี่ยนไปใช้หนึ่งใน VPN คุณภาพที่มีเราคัดเลือกมาให้ในด้านบน