10 VPN ที่ดีที่สุดเพื่อการสตรีม Netflix แห่งปี 2019

ไม่มีอะไรที่จะน่าผิดหวังไปมากกว่าการถูกปิดกั้นจากรายการที่คุณอยากเข้าชมเลยจริง ๆ ไม่ว่าคุณจะเดินทางออกนอกประเทศแล้วต้องการเข้าดูรายการโปรดของคุณ หรือเมื่อคุณอยากดูรายการที่เข้าถึงไม่ได้ในพื้นที่ประเทศที่คุณอยู่ ปัญหาเหล่านี้แก้ได้ด้วยการปลดล็อกการปิดกั้นเนื้อหาทางภูมิศาสตร์ด้วย VPN

แต่โชคไม่ดีที่ Netflix ได้มีการคัดค้านอย่างเข้มงวดต่อการใช้ VPN เพื่อหลบหลีกข้อจำกัดทางตำแหน่งที่ตั้ง และได้พยายามหาวิถีทางอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และในขณะที่ VPN จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาใน Netflix ต่อไปได้อีกนั้น ก็ยังคงมีผู้ให้บริการชั้นนำบางเจ้าที่ยังสามารถเข้าถึงได้อยู่เช่นเคย

และต่อไปนี้คือ 10 รายชื่อ VPN เจ้าที่ดีและเร็วที่สุดในการใช้สตรีม Netflix แห่งปี 2019 ที่เรารวบรวมมาแนะนำให้แก่คุณ

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: 5092
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: 62 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: 6
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: ปานามา

ข้อดี:

• มีเซิร์ฟเวอร์จำนวนเยอะมาก
• เชื่อมต่อใช้งานพร้อมกันได้ถึง 6 อุปกรณ์ในครั้งเดียว
• ความเร็วดีมาก

ข้อด้อย:

• นโยบายจัดเก็บเซสชั่นมีความคลุมเครือ
• คืนเงินช้า

เทคโนโลยี SmartPlay ของ NordVPN ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ของบริการสตรีมมิ่งได้มากกว่า 400 บริการ ซึ่งก็รวมไปถึง Netflix ด้วยเช่นกัน บริการของเจ้านี้จัดได้ว่าเป็นหนึ่งใน VPN ที่น่าเชื่อถือมากที่สุดสำหรับใช้เข้า Netflix ทั้งนี้ การที่ NordVPN มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากก็เป็นตัวชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้สามารถเลือกเนื้อหาเพื่อเข้าชมได้อย่างกว้างขวาง

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: มากกว่า 2000
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: 94 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: 3
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน

ข้อดี:

• มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่กว้างขวาง
• แอปคุณภาพหลากหลายระดับ
• ฝ่ายสนับสนุนทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อด้อย:

• สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้เพียง 3 อุปกรณ์
• ราคาสูงกว่าค่าราคาเฉลี่ย

ExpressVPN เป็นที่รู้จักกันในนามของผู้นำอุตสาหกรรม VPN จึงไม่น่าแปลกใจว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในบริการที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าใช้ Netflix มันเป็นบริการ VPN ที่ให้ความเร็วแบบสายฟ้าแลบและเป็นหนึ่งใน VPN ที่มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์มากที่สุดด้วย ทั้งนี้ ExpressVPN ยังเป็น VPN ที่ดีที่สุดในการใช้ปลดล็อก Netflix เสมอมา ซึ่งทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ชื่นชอบการสตรีมเพื่อเข้าชมเนื้อหาต่าง ๆ

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: 3239
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: 33 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: 5
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: สหรัฐอเมริกา

ข้อดี:

• ความเร็วยอดเยี่ยมมาก
• ราคาถูก
• มีตัวเลือกเข้ารหัสหลายทาง

ข้อด้อย:

• ไม่มีฝ่ายสนับสนุนแบบคุยสด
• ตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา (ภายในกลุ่มประเทศ 5 Eyes)

Private Internet Access ได้ให้บริการ VPN แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมาเกือบทศวรรษแล้ว จึงเป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาติดหนึ่งใน VPN ไม่กี่เจ้าที่ยังคงสามารถปลดล็อกการปิดกั้นเนื้อหาของ Netflix ได้ และแม้ว่าพวกเขาจะมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์น้อยกว่า VPN บางเจ้าในรายการ VPN ที่เรากล่าวถึงในบทความนี้ แต่ VPN ของพวกเขาก็สามารถใช้กับอุปกรณ์พร้อมกันได้ถึง 5 อุปกรณ์ พร้อมให้ความเร็วที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: มากกว่า 2500
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: 26 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: 5
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: สหรัฐอเมริกา

ข้อดี:

• ราคาถูก
• มีรุ่นสำหรับใช้ฟรี
• สามารถทดลองใช้ได้ 7 วัน

ข้อด้อย:

• มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์น้อย
• ไม่มีฝ่ายสนับสนุนแบบคุยสด

สำหรับ Hotspot Shield แล้ว พวกเขาไม่ได้เป็นแค่ VPN ที่ดีที่สุดที่ใช้ในการเข้าถึง Netflix เท่านั้น แต่พวกเขายังมีแอปที่เริดที่สุดสำหรับทั้ง Windows และ Mac นอกจากนี้ พวกเขายังมี VPN รุ่นที่ให้บริการฟรี อีกทั้งยังมีการให้ทดลองใช้บริการแบบมีค่าใช้จ่ายฟรี 7 วันอีกด้วย ติดอยู่เรื่องเดียวคือ พวกเขายังมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่ค่อนข้างน้อยอยู่ แต่ถึงกระนั้น Hotspot Shield ก็ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: มากกว่า 500
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: 55 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: ไม่จำกัด
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: แคนาดา

ข้อดี:
• มีรุ่นใช้งานฟรี
• ใช้งานง่าย
• สามารถใช้แอปได้กับอุปกรณ์หลายชิ้น

ข้อด้อย:

• ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์
• เซิร์ฟเวอร์ไม่ได้ทำงานทั้งหมด

Windscribe ให้บริการ VPN ทั้งแบบฟรีและแบบมีค่าใช้จ่าย พวกเขามีเซิร์ฟเวอร์พิเศษชื่อว่า “Windflix” ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการใช้ปลดล็อกรายการใน Netflix สำหรับรุ่นใช้ฟรีของ VPN เจ้านี้ จะให้ข้อมูล 10 GB ต่อเดือน ซึ่งเพียงพอต่อการเพลิดเพลินกับรายการต่าง ๆ จำนวนหนึ่ง และหากคุณกำลังมองหา VPN ฟรีที่ให้การเข้าถึง Netflix อยู่ล่ะก็ ตัวเลือกนี้ถือว่าเป็นทีเด็ดเลยก็ว่าได้

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: มากกว่า 700
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: 70 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: 3-5
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: สวิตเซอร์แลนด์

ข้อดี:
• ปฏิบัติการรวดเร็ว
• มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก
• ทดลองใช้ได้ฟรี 3 วัน

ข้อด้อย:

• ไม่มีฝ่ายสนับสนุนแบบคุยสด
• ไม่มีการคืนเงิน

VyprVPN มีคุณลักษณะที่เป็นที่รู้กันดีสองข้อคือ มันมีความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงมาก และมันมีความสามารถในการเข้าถึงเนื้อหาของ Netflix ได้มาตลอด เมื่อนำคุณสมบัติข้างต้นมาผนวกเข้ากับความจริงที่ว่า บริษัท VPN เจ้านี้มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์มากถึง 70 ที่ ทำให้ VyprVPn สามารถเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปลดล็อกเนื้อหาใน Netflix ได้อย่างง่ายดาย

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: 2960
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: 59 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: 7
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: โรมาเนีย

ข้อดี:

• แผนแบบเสียค่าสมาชิกราคาจับต้องได้
• ใช้ง่าย
• มีการเข้ารหัสดีเยี่ยม

ข้อด้อย:

• ความเร็วปานกลาง
• มีข้อกังวลเรื่องความปลอดภัย

CyberGhost ได้อยู่ในแวดวง VPN มานานถึง 7 ปีและพวกเขาก็ได้กลายมาเป็นผู้ให้บริการ VPN หนึ่งในเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ก็เพราะด้วยหนึ่งในเหตุผลหลายประการคือ ความสามารถในการเข้าถึงเนื้อหาใน Netflix ที่เลื่องชื่ออย่างมากของพวกเขา VPN เจ้านี้จะใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ละเอียดอ่อนซึ่งจะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ IP อยู่ในทุก ๆ ครั้งที่ Netflix พยายามจะปิดกั้นมันเอาไว้ และเมื่อนำคุณสมบัติเทพ ๆ นี้มาบวกเข้ากับแผนสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่ายที่ราคาไม่แพงแล้วล่ะก็ นับว่า CyberGhost ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ Netflix เลยทีเดียว

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: มากกว่า 400
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: มากกว่า 70 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: 15
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: สหรัฐอเมริกา

ข้อดี:

• มีอินเตอร์เฟสผู้ใช้ที่ดีมาก
• ฝ่ายบริการลูกค้าดีมาก
• มีการเข้ารหัสที่ซับซ้อน

ข้อด้อย:

• ความเร็วปานกลาง
• มีนโยบายการบันทึกข้อมูลที่คลุมเครือ

VPN Unlimited มีการดำเนินการปลดล็อกเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ของ Netflix อย่างดีมาตลอด ผู้ใช้ VPN เจ้านี้จะสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลายด้วยตำหน่งเซิร์ฟเวอร์กว่า 70 ตำแหน่งที่มีอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ พวกเขายังมีอินเตอร์เฟสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ และอินเตอร์เฟสที่ใช้ง่ายนี้เหมาะแก่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหันมาใช้ VPN อย่างมาก

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: 82
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: 36 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: ไม่จำกัด
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: เยอรมนี

ข้อดี:

• มีแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย
• มีการเข้ารหัสที่ยอดเยี่ยม
• มีรุ่นที่เปิดให้ใช้ฟรี

ข้อด้อย:

• ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์
• ความเร็วปานกลาง

Avira Phantom VPN ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาใน Netflix โดยไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อพร้อมกัน ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สุดยอดสำหรับผู้ใช้ที่ชอบสตรีมเนื้อหาในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ทางด้านแอปพลิเคชันของ VPN เจ้านี้ก็ยังใช้งานง่ายอีกด้วย และพวกเขายังมีรุ่นที่สามารถใช้งานได้ฟรีเพื่อให้คุณได้ลองใช้ก่อนที่จะซื้อแผนการเป็นสมาชิกอีกด้วย

จำนวนเซิร์ฟเวอร์: มากกว่า 1000
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์: มากกว่า 60 ที่
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้: 5
ประเทศ/เขตอำนาจตามกฎหมาย: สหรัฐอเมริกา

ข้อดี:
• มีความเร็วที่ดี
• การเข้ารหัสที่รัดกุม
• มีอินเตอร์เฟสที่โฉบเฉี่ยวดูดี

ข้อด้อย:
• ราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ย
• ตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา (ภายในกลุ่มประเทศ 5 Eyes)

IPVanish เป็น VPN ที่เก่งทางด้านดูแลความเร็วอินเทอร์เน็ตอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งมันเป็นประโยชน์อย่างมากในการสตรีมเนื้อหาใน Netflix พร้อมทั้งทางบริษัทได้มีรายการเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก ทำให้ผู้ใช้ไม่มีปัญหาในการค้นหารายการที่ต้องการรับชม ติดอยู่เพียงข้อเดียวคือเรื่องราคาที่สูงกว่า VPN เจ้าอื่น ๆ ส่วนมากอยู่เล็กน้อย

10 VPN ที่ดีที่สุดเพื่อการสตรีม Netflix แห่งปี 2019

บทความยอดนิยม