หนึ่งในบริการที่คุณอาจจะนึกถึงหากคุณต้องการเข้าเว็บอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัวไม่ว่าตอนไหนก็คือ VPN เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (Virtual Private Network) หรือ VPN นั้นเป็นหนึ่งในทางแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดในการคงความเป็นส่วนตัวและปกปิดตัวตนขณะท่องเว็บไซต์
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการกล่าวอ้างอย่างหนักแน่นว่าไม่มีการเก็บประวัติการใช้งาน แต่ VPN หลายๆ เจ้านั้นที่จริงอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาลของบางประเทศ นั่นหมายความว่าถึงแม้คุณจะใช้งาน VPN ที่การันตีว่าจะปิดบังตัวตนของคุณ 100% ขณะท่องอินเทอร์เน็ต ก็มีโอกาสสูงที่รัฐบาลคอยสอดส่องกิจกรรมออนไลน์ของคุณ
และเป็นเรื่องจริงที่สุดสำหรับ VPN ที่ตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม 5 Eyes, 9 Eyes หรือ 14 Eyes
กลุ่ม 5 Eyes คืออะไร
ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลของสหรัญอเมริกาและสหราชอาณาจักรนั้นทำสนธิสัญญาที่จะแบ่งปันข้อมูลความรู้ต่อกันและกันเพื่อเป็นผลประโยชน์ในการทำสงคราม
สนธิสัญญาดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า USUK Agreement ที่อยู่ภายใต้โปรแกรมการควบคุมดูแลที่เรียกว่า Echelon นี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลกิจกรรมออนไลน์ของสหภาพโซเวียตและจีน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่ม 5 Eyes
หลังสงครามสิ้นสุด โปรแกรมดังกล่าวก็เลิกใช้เพื่อประโยชน์ทางการทหาร อย่างไรก็ตามสนธิสัญญาของทั้งสองประเทศยังดำเนินอยู่เพื่อตั้งระบบในการสอดส่องกิจกรรมออนไลน์ของประชาชนทั่วโลก
และต่อมา แคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ก็เข้ามาร่วมกลุ่มควบคุมดังกล่าว รวมแล้วกลายเป็น 5 ประเทศ ซึ่งรู้จักกันในชื่อของ กลุ่ม 5 Eyes สมาชิกของแต่ละประเทศนั้นมีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่ทำการควบคุมดูแลข้อมูลออนไลน์ที่รวมอยู่ด้วยกัน วิเคราะห์ และแบ่งปันกันในระหว่างประเทศสมาชิก
ยกตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอมเริกานั้นมี FBI, CIA และ NSA เป็นหน่วยงานหลักซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสอดส่องของ 5 Eyes
5 Eyes ทำงานอย่างไร
ประเทศที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม 5 Eyes นั้นผ่านกฎหมายและการบังคับใช้ที่ทำให้รัฐบาลมีสิทธิในการเข้าถึงกิจกรรมออนไลน์ของประชาชน ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะใช้บริการ VPN ที่ตั้งอยู่ใน 5 ประเทศสมาชิก 5 Eyes รัฐบาลของคุณก็สามารถแกะรอยด้วยการบังคับให้ VPN เจ้าที่คุณมอบข้อมูลประวัติการใช้งานผ่านการเข้ารหัส SSL อยู่ดี
ที่จริงแล้ว นี่เป็นวิธีที่รัฐบาลของสหรัฐฯ ใช้ตรวจจับกิจกรรมของ Edward Snowden ถึงแม้ว่า Snowden จะใช้ VPN แต่รัฐบาลของสหรัฐฯ ก็ขอให้ FBI ออกหมายศาลเพื่อจะบังคับให้ VPN มอบประวัติการใช้งานและกิจกรรมออนไลน์ของ Snowden
ที่จริงแล้ว นี่เป็นวิธีที่รัฐบาลของสหรัฐฯ ใช้ตรวจจับกิจกรรมของ Edward Snowden ถึงแม้ว่า Snowden จะใช้ VPN แต่รัฐบาลของสหรัฐฯ ก็ขอให้ FBI ออกหมายศาลเพื่อจะบังคับให้ VPN มอบประวัติการใช้งานและกิจกรรมออนไลน์ของ Snowden
รัฐบาลของสหรัฐฯ นั้นดำเนินงาน PRISM Program ที่รัฐบาลสามารถรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตนับร้อยทั่วทั้งประเทศ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตนั้นยังได้รับสิทธิ์ทางกฎหมายในการขายข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้งานให้แก่บุคคลที่สาม
มาพูดถึงประเทศอังกฤษกันบ้าง รัฐบาลนั้นมีความโปร่งใสในเรื่องกิจกรรมการควบคุมสอดส่องมากกว่า แต่ก็มีมาตรการที่เท่าเทียมสหรัฐฯ ในเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว รัฐบาลของอังกฤษผ่านกฎหมายที่เรียกว่า “Investigatory Powers Act, 2016” และด้วยกฎหมายนี้ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและบริษัทให้บริการโทรศัพท์ทั้งประเทศต้องบันทึกประวัติการใช้งานของผู้รับบริการ
ข้อมูลเหล่านี้ถูกรัฐบาลเค้นออกมาตอนไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือรับรองหรือหมายศาล ออสเตรเลียนั้นก็มีกฎหมายลักษณะดังกล่าวเช่นกัน ที่ทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศต้องบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งาน ซึ่งรัฐบาลจะเรียกดูตอนไหนก็ได้
กลุ่ม 9 Eyes คืออะไร
กลุ่ม 9 Eyes นั้นเป็นกลุ่มของประเทศ 9 ประเทศที่ได้เข้าร่วมสนธิสัญญาในการบันทึกและแชร์ข้อมูลการตรวจตราของทั่วโลก ในระหว่างประเทศร่วมสัญญา กลุ่มนี้ประกอบด้วยประเทศของกลุ่ม 5 Eyes และร่วมด้วยเดนมาร์ค ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ขอบเขตและรูปแบบกิจกรรมของกลุ่ม 9 Eyes นั้นแทบจะเหมือนกับกลุ่ม 5 Eyes และถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ขยายมาจากพันธมิตรของ 5 Eyes
กลุ่ม 14 Eyes คืออะไร
เป็นกลุ่มที่อยู่ในทวีปยุโรปแทบทั้งหมด แต่ยังรวมสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ไว้ด้วย กลุ่ม 14 Eyes นั้นรู้จักในชื่ออย่างเป็นทางการว่า SIGINT Seniors Europe (SSEUR) ซึ่งเป็นการขยายตัวของกลุ่ม 9 Eyes และรวมสมาชิกเพิ่มเติมได้แก่ เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี สวีเดน และสเปน
สนธิสัญญาเกี่ยวกับการควบคุมสอดส่องดั้งเดิมที่เคยเซ็นระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษ ตอนนี้แผ่ขยายไปใช้ใน 14 ประเทศด้วยเช่นกัน ภายใต้สนธิสัญญานี้ ประเทศกลุ่ม 14 Eyes ไม่สามารถนำข้อมูลที่สอดส่องเพื่อการล้วงข้อมูลของประเทศอื่นๆ ในกลุ่มได้ แต่พวกเขาสามารถใช้ข้อมูลของประชาชนประเทศตนที่รวบรวมมาจากกลุ่มสมาชิกประเทศอื่นในกลุ่มได้
ประเทศเพิ่มเติม
หลายๆ ประเทศถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในรายชื่อสมาชิกกลุ่มอย่างเป็นทางการ แต่ก็ถือว่าเป็นประเทศที่น่าสงสัยที่จะถูกควบคุมดูแลกิจกรรมออนไลน์ ยกตัวอย่างประเทศอิสราเอลนั้นเป็น “ผู้สังเกตอย่างเป็นทางการ” ของกลุ่ม 5 Eyes และทำงานกับ NSA ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด
เช่นเดียวกัน ประเทศอย่างสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น นั้นถูกรายงานว่ามีการสอดส่องจากประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐฯ และอังกฤษ ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในรายชื่ออย่างเป็นทางการ
คุณจะหลีกเลี่ยงจากการถูกสอดส่องผ่านทาง VPN ได้อย่างไร
VPN แบบเรียบๆ นั้นให้การปกป้องที่จำกัดมากๆ สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์ ถึงแม้ว่า VPN อาจจะมีนโยบาย “ไม่บันทึกประวัติการใช้งาน” แต่ก็ด้วยกฎหมายของประเทศที่ตั้งบริษัทที่สามารถบังคับให้ส่งข้อมูลจากคำสั่งศาลได้ ผู้ใช้งานบางคนเลยเลือก VPN ที่อยู่ภายนอกประเทศ ดังเช่น VPN ที่มีที่ตั้งอยู่นอกประเทศที่มีการควบคุมดูแล อย่างไรก็ตามนั่นก็ยังไม่อาจแก้ไขปัญหานี้ได้เพราะนโยบายความเป็นส่วนตัวของ VPN เจ้านั้นๆ ยิ่งเหมือนเป็นกับดักและออกแบบมาหลอกลวงผู้ใช้งาน
คำแนะนำของเราคือการใช้ VPN แบบ multi-hop ที่กิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งานจะไม่ผ่านเพียงแค่ VPN เดียวแต่กระโดดข้ามหลายครั้งก่อนเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต นี่เพิ่มระดับการป้องกันให้แก่ผู้ใช้งาน และมั่นใจได้ว่าหากรัฐบาลต้องการสอดส่องกิจกรรมออนไลน์ พวกเขาก็พบว่ามันลำบากที่จะรวบรวมข้อมูลให้เป็นแหล่งเดียวกัน VPN แบบ multi-hop ที่เราแนะนำมากคือ
Perfect Privacy ที่ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ NordVPN ที่ตั้งอยู่ในประเทศปานามา และ Zorro VPN ที่ตั้งอยู่ในประเทศเบลีซ
Perfect Privacy ที่ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ NordVPN ที่ตั้งอยู่ในประเทศปานามา และ Zorro VPN ที่ตั้งอยู่ในประเทศเบลีซ