การหลอกลวงในแวดวง VPN ที่ควรระวังไว้

Download Astro
Download Astro
5 มิถุนายน 2022
เรื่องที่ว่า VPN นั้นอาจเป็นตัวอันตรายและเป็นบริการที่ดูมีพิรุธนั้นไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด แต่คุณได้ไปพัวพันกับบริการที่ว่าในช่วงเร็วๆ นี้หรือเปล่า
ด้วยตลาดที่แข่งขันสูงขึ้นมาก และมีบริการเจ้าใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เป็นเรื่องง่ายมากที่ VPN บางเจ้านั้นจะเริ่มทำในสิ่งที่น่าสงสัย แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า VPN ที่คุณใช้นั้นไม่ได้ทำอะไรน่าสงสัยและเป็นบริการที่ถูกกฎหมายจริงๆ
รายการด้านล่างนั้นคือ VPN เจ้าที่คุณควรระวังเพราะบริการเหล่านี้อาจจะสร้างปัญหาให้คุณ เราจะช่วยไกด์ให้คุณเลือก VPN ที่ปลอดภัยและใช้งานได้จริง
 
 
VPN เจ้าที่กล่าวอ้างเกินจริง
VPN นั้นเป็นตัวอย่างหลักๆ ของบริการที่โฆษณาสรรพคุณไว้มาก แต่จริงๆ แล้วทำไม่ได้ตามที่โฆษณาไว้ บริการหลายเจ้ามักจะกล่าวอ้างว่าช่วยจัดการกับการรักษาความปลอดภัยของคุณได้โดยเบ็ดเสร็จ แต่จริงๆ แล้วกลับให้ฟีเจอร์ที่ทำไม่ได้มากกว่าครึ่งตามที่อ้าง นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างของบริการปลอมๆ ของ VPN ที่ใช้ดึงดูดให้ลูกค้าสนใจ
• มีเครือข่ายที่เร็วสุด – การอ้างว่าเครือข่ายของเจ้านั้น “เร็วที่สุด” ไม่ใช่เรื่องแปลกตาของวงการ VPN โดยการที่ VPN หลายเจ้าที่อ้างแบบนี้ฟังแล้วก็เป็นมุกขำขันในการโฆษณา เหมือนกับสโลแกนว่า “กาแฟที่อร่อยที่สุดในโลก” หลักจากทดสอบความเร็วด้วยวิธีมาตรฐานแล้ว VPN หลายเจ้าที่อ้างว่ามีเครือข่ายที่เร็วที่สุดนั้น ไม่ให้ความเร็วที่สูงถึงระดับพอใช้ด้วยซ้ำ
• ไม่มีการเก็บประวัติการทำงานแม้แต่น้อย – คำโกหกคำโตอีกแบบที่ VPN ส่วนใหญ่มักจะใช้ดึงดูดลูกค้าคือ ไม่มีการเก็บประวัติการทำงานแม้แต่น้อย ส่วนใหญ่แล้ว VPN จะโฆษณาเพื่อซื้อใจผู้ใช้บริการที่มองหาความเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม การไม่มีนิยามมาตรฐานที่ชัดเจนของการเก็บประวัตินั้นทำให้เกิดปัญหามากมาย เนื่องจากจริงๆ แล้วบริการดังกล่าวเก็บประวัติของกิจกรรมการใช้งานของลูกค้าไว้
• ใช้งานกับ Netflix ได้ – เนื่องจาก Netflix นั้นพยายามป้องกันไม่ให้ผู้ชมใช้งานผ่าน VPN ได้ จึงเป็นเรื่องยากมากที่บริการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่างๆ นั้นจะช่วยสตรีมรายการจาก Netflix ได้ เช่นเดียวกัน VPN อาจจะช่วยแก้ในการสตรีม Netflix ได้ช่วงหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าบริการจะใช้งานได้ตลอดเพราะ Netflix อาจจะแบนที่อยู่ IP ทั้งหมดที่เป็นของบริการก็ได้
• ป้องกันการรั่วไหลของที่อยู่ IP – VPN หลายเจ้ายืนยันว่าพวกเขาปกป้องที่อยู่ IP จากการถูกเปิดเผย แต่คำกล่าวอ้างนั้นเป็นอีกหนึ่งในการโกหกคำโตที่ VPN เจ้านั้นบอก มีหลายครั้งที่ VPNไม่ได้ปกป้องคุณจากภัยต่างๆ ที่โฆษณาไว้ อย่างเช่นการรั่วไหลจาก IPv4, IPv6 และ DNS นอกจากนี้ ฟีเจอร์ kill switch (ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเมื่อปิด VPN) ของ VPN ต่างๆ ก็ไม่ได้ทำงานตามที่โฆษณาเอาไว้ด้วย
 
บริการ VPN ฟรี
VPN ฟรีนั้นอาจจะฟังแล้วเข้าท่าเพราะประเด็นเรื่องราคา แต่ว่ามันก็มาพร้อมกับอันตรายมากกว่าที่มันจะทำประโยชน์ให้คุณด้วยซ้ำ
บ่อยครั้งที่ VPN ฟรีรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้งานและขายมันให้กับบริษัทโฆษณาเพื่อแสวงหาผลกำไร ดังนั้นผู้ใช้งานไม่ได้รู้ตัวเลยว่าข้อมูลของตนนั้นถูกขายและตกเป็นเหยื่อของการโจรกรรมทางข้อมูล นอกจากนี้ การใช้ VPN ฟรียังเสี่ยงในการถูกยัดเยียดโฆษณาให้แก่ผู้ใช้ เพื่อที่บริษัท VPN จะได้ขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทคู่ค้า บริษัทที่มีรูปแบบดังกล่าวพยายามให้ VPN คอยยัดเยียดโฆษณามาให้ผู้ใช้งานในทุกโอกาสเท่าที่ทำได้
 
 
สมัครสมาชิกแล้วใช้งานได้ตลอดชีวิต
บริการ VPN ที่สมัครสมาชิกแล้วใช้งานได้ตลอดชีวิตนั้นอาจจะเป็นสัญญาที่น่ากลัวที่สุดที่คุณอาจเข้าไปพัวพันได้
เนื่องจากธรรมชาติที่แข่งขันสูงของวงการนี้ และแนวโน้มที่ VPN จะอยู่ในประเทศห่างไกล ความคิดที่ว่าจะซื้อสัญญาแบบตลอดชีวิตกับบริการแบบนี้เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก
เพื่อกลยุทธ์การรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานแล้ว VPN จึงตั้งฐานอยู่นอกประเทศที่มีกฎหมายเก็บข้อมูลจากผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตามนี่กลายเป็นดาบสองคม เพราะว่าประเทศเหล่านั้นเองก็ไม่มีกฎหมายครอบคลุมเรื่องสัญญาเกี่ยวกับการซื้อขาย VPN ระหว่างผู้ให้บริการกับลูกค้าเช่นกัน ดังนั้นหาก VPN ตัดสินใจปิดตัวหรือเปลี่ยนนโยบายการให้บริการ ลูกค้าจะไม่สามารถขอคืนเงินหรือได้เลย
 
 
บริการปลอม
เนื่องจากมีบริการเจ้าใหม่ๆ โผล่มาจนล้นตลาด ไม่น่าแปลกใจเลยว่ามี VPN ที่เป็นของปลอมโดยสิ้นเชิงปนมาด้วย บริการเหล่านี้อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นและให้บริการที่ดูแล้วใช้การได้แถมน่าดึงดูด แต่หลายครั้งที่มันเป็นบริการที่เต็มไปด้วยเป้าหมายแอบแฝงที่จะเอาเงินจากลูกค้าที่ไม่รู้ตัว ที่แย่ที่สุดคือผู้สมัครการใช้งานที่ถูกขายข้อมูลนั้นไม่ได้รับแม้แต่บริการ VPN ด้วยซ้ำ เป็นบริษัทต้มตุ๋นที่หวังจะทำเงินได้เร็วแค่นั้น
 
 
VPN ที่สมัครผ่านเว็บไซต์ของบุคคลที่ 3
หากคุณวางแผนที่จะซื้อ VPN ขอให้ซื้อโดยตรงผ่านทางผู้ให้บริการไม่ใช่เว็บไซต์ของบุคคลที่ 3
เว็บไซต์ของบุคคลที่ 3 นั้นอาจจะกลายเป็นตัวปัญหาใหญ่ โดยพวกเขามักจะโปรโมตบริการ VPN ด้วยการลดราคาเพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่หวังของถูก อย่างไรก็ตาม ความจริงคือเว็บไซต์ของบุคคลที่ 3 นั้นเป็นแหล่งอันตรายในการกรอกข้อมูลเพื่อการชำระเงิน และพวกเขาอาจจะใช้มันเก็บข้อมูลที่เป็นความลับของผู้ใช้งาน
หากการขโมยข้อมูลนั้นยังไม่อาจหยุดให้คุณซื้อบริการจากพวกเขา ขอให้รู้ว่าบุคคลที่ 3 นั้นไม่รับผิดชอบต่อปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นกับ VPN ที่คุณใช้ทั้งสิ้น บุคคลที่ 3 นั้นไม่มีอำนาจในการควบคุมเรื่องบริการของ VPN ดังนั้นพวกเขาแค่แนะนำให้คุณติดต่อผู้ให้บริการ VPN เอง ปัญหาคือ ผู้ให้บริการ VPN ก็จะส่งปัญหาของคุณกลับไปที่บริการของบุคคลที่ 3 เพราะคุณสมัครผ่านพวกเขา และปัญหาก็จะวนไปวนมาอยู่แบบนั้น
 
 
รีวิวปลอม
ปริมาณของรีวิวปลอมของซอฟต์แวร์นั้นเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวกับแวดวงนี้ เพราะเป็นแวดวงที่รีวิวดีๆ ของสินค้ามีผลมากๆ ในการขาย
ด้วยการต้องพึ่งพารีวิวอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ VPN หลายเจ้านั้นมีผู้ประเมินปลอมนับร้อยหรือไม่ก็นับพัน ผู้ให้บริการ VPN สร้างรีวิวปลอมขึ้นเอง หรือจ่ายเงินเพื่อให้คนอื่นรีวิวให้ การประเมินนั้นอาจหลากหลายตั้งแต่การรีวิวซอฟต์แวร์แบบพื้นฐาน จนถึงการทดลองใช้งาน และแม้กระทั่งรับรองชัดเจนว่าซอฟต์แวร์นั้นดีแค่ไหน ดังนั้นเรตติ้งของซอฟต์แวร์อาจจะดูดีใน Google Play หรือ Apple store เพื่อดึงดูดลูกค้าจำนวนมากจากผู้ขายแอปแต่ละเจ้า
นอกจากนี้เว็บไซต์รีวิวบางเจ้านั้นยังเป็นเจ้าของและดำเนินบริษัท VPN เสียเอง แถมคอยรีวิวบริการของเจ้าอื่นแย่ๆ ขณะที่เอาแต่โปรโมต VPN ของตัวเองว่าดี หากรีวิวของบริการนั้นฟังแล้วดูดีเกินไป ก็มีโอกาสสูงว่าบริษัท VPN เป็นคนดำเนินการและเป็นเจ้าของเว็บไซต์นั้น
 
 
สรุปประเด็นทั้งหมด
สุดท้ายแล้ว วิธีที่ดีที่สุดในการหา VPN ที่มีคุณภาพคือ ควรคุณจะค้นคว้าด้วยตัวคุณเอง คอยจับผิดเว็บไซต์และดูช่องโหว่ของคำโฆษณาว่าบริการดังกล่าวจะทำได้ตามที่อ้างจริงหรือไม่ VPN ที่ดีนั้นไม่ฟรี ดังนั้นอย่าไปหลงใช้ VPN ปลอมที่เสนอบริการ “คุณภาพ” ที่คุณจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย