“ท่านครับ! เราได้รับข้อความเข้ารหัสจากองค์กรผู้ก่อการร้าย”
“ข้อความนั้นมาจากไหน นายสืบหาแหล่งที่มาได้ไหม”
“มันขึ้นว่าข้อความมาจากทุก ๆ ที่ในเวลาเดียวกันครับ”
“เป็นไปไม่ได้!”
คุณจำฉากในภาพยนตร์แอคชั่นสยองขวัญที่ทีมพยายามสืบหาสัญญาณของคนร้าย แต่สัญญาณนั้นกลับเด้งไปมาอยู่ทั่วโลก และพวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากที่ไหนกันแน่ได้มั้ย เอาล่ะ ถ้าหากคุณอยากจะสัมผัสว่าการเป็นคนร้ายเหมือนในหนังนั้นเป็นอย่างไรล่ะก็ คุณไม่ต้องไปไหนไกล มาลิ้มลองความตื่นเต้นกับการเชื่อมต่อ Multi-hop VPN หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า VPN ห่วงโซ่ (Chained VPN) หรือ ดับเบิ้ล VPN (Double VPN)
ในการเชื่อมต่อกับ VPN ธรรมดานั้น เซิร์ฟเวอร์ VPN จะทำหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ส่วนการเชื่อมต่อห่วงโซ่ Multi-hop VPN นั้น จะมีอุปกรณ์และ/หรือ VPN เพิ่มเติมเข้ามา นำไปสู่การเชื่อมต่อที่ซับซ้อนยกกำลังสอง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ใครจะสามารถสืบตามได้ ยกตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อของคุณที่จริงแล้วอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่มันอาจจะถูกส่งผ่านไปทางสวีเดน เม็กซิโก และไอซ์แลนด์ก่อนที่จะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง ทั้งนี้ มีการผสมผสานความสลับซับซ้อนหลากหลายอย่างที่เป็นไปได้ตามที่จะกล่าวด้านล่างนี้
ดับเบิ้ล VPN (ผู้ให้บริการเดียวกัน)
อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ซึ่งเชื่อมต่ออยู่กับเซิร์ฟเวอร์ VPN อีกอันหนึ่งที่มาจากผู้ให้บริการเดียวกัน (“ดับเบิ้ล VPN” แบบคลาสสิก) การบริการรูปแบบนี้เป็นบริการที่ติดตั้งง่ายที่สุด และมีผู้ให้บริการ VPN หลายเจ้าที่จัดหาบริการรูปแบบนี้ให้ผู้ใช้ของตน ผู้ให้บริการ VPN ในรูปแบบนี้ที่มีชื่อเสียงและมีราคาจับต้องได้ที่สุดคือ NordVPN และ AirVPN คุณสามารถตั้งค่ารูปแบบนี้ได้ง่าย ๆ โดยการคลิกเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่อินเตอร์เฟส VPN โดยให้คลิกเลือกการผสมผสาน (ถ้ามี) เพียงเท่านี้ที่อยู่ IP ของคุณก็สามารถซ่อนอยู่ด้านหลังเซิร์ฟเวอร์สองตำแหน่งแทนที่จะซ่อนอยู่ในเซิร์ฟเวอร์เดียวแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีการวิพากษ์วิจารณ์คุณลักษณะดังกล่าวว่าเป็น “ลูกเล่นทางการตลาด” เนื่องด้วย การที่ VPN เดียวจะจัดเซิร์ฟเวอร์ VPN สองตำแหน่งให้นั้น หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งสองจะมีการตั้งค่า โปรโตคอล การบันทึกข้อมูล (ถ้ามี) และตำแหน่งที่ตั้งที่เหมือนกัน และนั่นก็หมายความว่าคุณจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากมันมากเท่าไหร่นักแม้ว่าจะรู้สึกดีกับมันก็ตาม
ในด้านของข้อได้เปรียบ เราจะเห็นว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันอยู่ และนั่นหมายความว่า การใช้ดับเบิ้ล VPN รูปแบบนี้จะช่วยเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงความเร็วการเชื่อมต่อที่ลดลงอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นในดับเบิ้ล VPN ดังนั้นคุณจึงสามารถสตรีมเนื้อหาและดูวิดีโอต่าง ๆ ได้ไม่ติดขัด
VPN ซ้อนสี่เท่า (ผู้ให้บริการเดียวกัน)
มันเป็น Multi-hop VPN ที่ติดตั้งง่ายระดับเทพและเป็น VPN ส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบด้วยเช่นกัน กล่าวคือ VPN รูปแบบนี้จะให้คุณสร้างโครงสร้างแบบกำหนดเองได้มากถึงสี่ VPN เซิร์ฟเวอร์ติดต่อกัน และสามารถกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งสี่ให้แตกต่างกันได้ด้วย และโบนัสเพิ่มเติมที่ได้จาก VPN ซ้อนสี่เท่าคือ การสนับสนุนทางด้านความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ มีการรองรับ IPv6 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มความรัดกุมให้แก่คุณ ทั้งนี้ Zorro VPN ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการที่มีคุณลักษณะเด่นนี้ แม้ว่าค่าบริการรายเดือนของเจ้านี้ค่อนข้างสูงอยู่พอตัว
ดับเบิ้ล VPN (ผู้ให้บริการคนละที่)
ในรูปแบบนี้ คุณจะใช้ VPN เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตามปรกติ แต่เพิ่มเติมการติดตั้งโปรแกรมจำลองเครื่อง (virtual machine: VM) ไว้ในอุปกรณ์ของคุณเพื่อใช้เชื่อมต่อกับ VPN อื่น ดังนั้น การจราจรอินเทอร์เน็ตที่มาจากโปรแกรมจำลองเครื่องจะเดินทางไปยัง VPN หนึ่งและส่งต่อไปที่ VPN อีกอันหนึ่ง ซึ่งเป็นการให้ความรัดกุมที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งนี้ คุณสามารถใช้ระบบปฏิบัติการ Linux แบบฟรีเป็นโปรแกรมจำลองเครื่องของคุณ และหากคุณต้องการที่จะล่องหนมากขึ้นเป็นพิเศษ แนะนำให้เปิดระบบปฏิบัติการ Tails (ระบบปฏิบัติการ Linux แบบพกพา)ในเครื่องของคุณด้วย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความไร้ตัวตนแบบเป็นที่สุด และข้อดีอีกอย่างของโปรแกรมจำลองเครื่องคือ มันจะคอยเปลี่ยนลายนิ้วมือเบราว์เซอร์ของคุณ ทำให้การสืบตามคุณด้วยลายนิ้วมือเบราว์เซอร์นั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย
สู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้น!
ตามหลักแล้ว จำนวนเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่คุณจะใช้เชื่อมเข้ากันนั้นไม่มีจุดสิ้นสุด คุณสามารถกระทำการบ้าบิ่นโดยใช้ VPN บวกเข้ากับโปรแกรมจำลองเครื่อง ตามด้วย VPN อีกอัน โดยใช้ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อทางไกลเข้ากับกับอุปกรณ์จริงอีกชิ้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลกนี้ และอุปกรณ์ชิ้นนั้นก็ยังเชื่อมต่อกับ VPN อีกอันที่เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นที่ใช้โปรแกรมจำลอง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรพิจารณาอยู่หลายประการที่ทำให้การกระทำนี้ไม่เป็นที่น่าพึงใจและอาจทำให้มันกลายเป็นเรื่องแฟนตาซีแอคชั่นสยองขวัญเสียแทน:
• ในทุก ๆ ขั้นตอนของห่วงโซ่เป็นการเพิ่มโอกาสให้ความเร็วการเชื่อมต่อดิ่งลง จากผลการทดสอบ ดับเบิ้ล VPN ที่ติดตั้งในรูปแบบผู้ให้บริการเดียวกันจะทำให้ความเร็วลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ได้เป็นตัวเลขที่เลวร้ายเกินไป หากแต่ ดับเบิ้ล VPN ที่ติดตั้งกับโปรแกรมจำลองเครื่องพร้อมด้วย VPN อื่นอีกสองอันจะทำให้ความเร็วลดลงได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว! ดังนั้น การเพิ่มขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนไปเรื่อย ๆ จะทำให้ความเร็วดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วจนขำไม่ออก ไม่ว่าจะอย่างไร คุณลืมการดูวิดีโอและการสตรีมเนื้อหาไปได้เลย อีกทั้ง การที่คุณมีการเชื่อมต่อที่ซับซ้อนจะทำให้การเปิดเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาแน่นเป็นไปอย่างยากเย็นด้วย
• ราคาค่าบริการ VPN แบบหลายทางสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว บริการ VPN หลายเจ้ามีราคาเพิ่มขึ้นจาก 3 ถึง 12 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ / เดือน ซึ่งทำให้การท่องอินเทอร์เน็ตแบบไร้ตัวตนของคุณเป็นเรื่องที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก และตามหลักแล้ว แน่นอนว่า VPN ที่ให้บริการฟรีจะไม่รองรับการจัดรูปแบบที่ซับซ้อนแบบนี้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ พวกเขาอาจจะเปิดเผยความเป็นตัวตนของคุณในแบบที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับจุดประสงค์ที่ต้องใช้ห่วงโซ่ multi-hop VPN ไว้ตั้งแต่แรก
• ความรัดกุมเสริมที่ได้รับจาก VPN แต่ละชั้นนั้นมีน้อยมาก VPN เดี่ยวที่มีคุณภาพสูง (รวมถึงนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่แข็งแกร่ง) ได้สร้างอุปสรรค์อันน่าเกรงขามให้แก่ผู้สอดแนมแล้ว แต่การมี VPN จำนวนมากทับซ้อนกันนั้นจะเป็นการลดทอนประสิทธิภาพของ VPN
• ระหว่างที่คุณกำลังวุ่นอยู่กับการจัดรูปแบบ VPN หลายทางนั้น ความปลอดภัยของการเชื่อมต่ออาจจะได้รับการประนีประนอมในแบบที่เรียบง่ายขึ้น ต้องยอมรับว่ามีอันตรายมากมายหลายแบบที่จะประดังเข้ามายังการใช้อินเทอร์เน็ตแบบไม่ระบุตัวตนของคุณ เช่น การรั่วไหลของที่อยู่ IP ระบบ kill-switch ที่เชื่อมต่อไม่ดี การเก็บข้อมูลโดย VPN ที่ไร้จรรยาบรรณ แคชในเบราว์เซอร์ และแม้แต่การดาวน์โหลดแอปและไฟล์แนบที่น่าสงสัย เป็นต้น ทั้งนี้ ห่วงโซ่ multi-hop VPN ควรทำหน้าที่เฉกเช่นผลเชอร์รี่ที่อยู่บนมาตรการรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ของคุณ ดังนั้น โปรดตรวจให้แน่ใจว่าทุกอย่างเข้าที่ดีแล้วก่อนที่จะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อติดตั้ง