10 เคล็ดลับยอดเยี่ยม ในการแก้ปัญหาการใช้งาน VPN เพื่อปี 2019

Download Astro
Download Astro
30 พฤษภาคม 2022

 

Virtual Private Network (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน) หรือ VPN นั้นเป็นสิ่งอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมในเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัว โดย VPN นั้นมีมากมายหลายเจ้าให้คุณเลือก แต่นั่นหมายถึงคุณต้องพิจารณาและดูรีวิวของเจ้าที่เปิดใช้บริการแต่ละเจ้าให้ดี นอกจากนี้บางครั้งคุณอาจจะพบปัญหาขณะใช้งาน VPN ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความความเร็วที่ช้าลง การเชื่อมต่อไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็มีทางแก้ปัญหาอยู่เสมอ
นี่เป็น 10 เคล็ดลับยอดเยี่ยมสำหรับ VPN ส่วนใหญ่ที่คุณเลือกใช้งาน ไม่ว่าคุณจะใช้ NordVPN, ExpressVPN หรือเจ้าอื่นๆ เคล็ดลับพวกนี้คุ้มค่าที่จะจดจำไว้ใช้ในครั้งต่อไปที่คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
 
 
1. เลือก VPN ที่มีชื่อเสียงดี
อาจจะไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้ก็ได้ว่าคุณควรสมัครสมาชิก VPN เจ้าที่มีรีวิวดีที่สุด ซึ่งนั่นก็มีให้คุณเลือกอยู่หลายเจ้า แต่หากคุณกำลังพบกับปัญหาความเร็วอินเทอร์เน็ตต่ำหรือปัญหาการเชื่อมต่อ ก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่นแทน มันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะทำแบบนั้น
บริการส่วนใหญ่นั้นมักจะให้ความสำคัญกับความเร็วเป็นหลัก นั่นหมายถึงหากมันคือประเด็นที่คุณให้ความสำคัญ ก็มีตัวเลือกให้คุณมากมาย อย่างไรก็ตามตอนที่กำลังช็อปปิ้ง VPN นั้น คุณควรพิจารณาถึงนโยบายการบันทึกการเข้าใช้ และรีวิวจากผู้ใช้งานด้วย
นี่คือประเด็นหลักๆ ที่เราคิดว่าคุณควรจะจดจำไว้ใช้ในการพิจารณา
• ความเร็วเฉลี่ยของบริการ
• รีวิวจากผู้ใช้งาน
• รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ
• ค่าสมัครสมาชิก
• สามารถใช้งานกับแพล็ตฟอร์มหรือระบบปฏิบัติการที่คุณใช้อยู่ได้
• นโยบายความเป็นส่วนตัว
• จำนวนเซิร์ฟเวอร์
• มีหน่วยบริการลูกค้า
 
 
2. รีบู๊ทเครื่องใหม่
ใช่แล้ว นี่คือวิธีมาตรฐานและดั้งเดิมในการแก้ไขปัญหาไอที หากพบกับปัญหาการเชื่อมต่อหรือความเร็วในการใช้งาน VPN เราแนะนำว่าให้คุณทำการฮาร์ดรีเซ็ตดูก่อน ไม่ว่าจะใช้งานทางแท็บเล็ต PC หรือไม่อย่างนั้นก็ทำการรีเฟรชอุปกรณ์ของคุณเพื่อดูว่ามันแก้ปัญหาได้หรือไม่ ลองปิดและเปิดเครื่องอีกครั้งและลองเริ่มใช้งาน VPN ออนไลน์ดูเป็นอย่างแรก
นอกจากนี้ คุณน่าจะลองรีบู๊ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตดู ลองรีบู๊ท Wi-Fi ของคุณใหม่แล้วดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หากปัญหายังคงอยู่ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากให้คุณลอง
 
 
3. หมั่นอัพเดตอยู่เสมอ
การละเลยเรื่องการอัพเดตนั้นมันง่ายมากหรือ คำตอบคือมันง่ายจะเราขอท้าพนันเลย อย่างไรก็ตามบริการ VPN ของคุณอาจจะต้องการการอัพเดตสม่ำเสมอเพื่อให้มันทำงานได้ดีที่สุด การอัดเดตซอฟต์แวร์นั้นสามารถสนับสนุนบริการแผทช์ตัวใหม่ที่อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาที่ผู้พัฒนาค้นพบได้
ลองเช็คเวอร์ชัน VPN ของคุณดูอีกครั้งในส่วนของ “about” ที่อินเทอร์เฟซของผู้ใช้งาน VPN เจ้าที่ดีนั้นจะมีการอัพเดตให้คุณได้ทันทีเมื่อมีแผทช์ใหม่ออก
 
 
4. เปลี่ยนพอร์ทเป็นประจำ
ยังคงพบปัญหาเรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ตอยู่หรือ วิธีแก้อาจจะเป็นการเปลี่ยนพอร์ตที่ใช้กับเครือข่ายของคุณ สิ่งนี้คือเส้นทางที่ข้อมูลใช้เดินทางระหว่าง VPN การเชื่อมต่ออื่นๆ และการเปลี่ยนมันอาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ ผู้ใช้งาน VPN ที่มากประสบการณ์มักจะเปลี่ยนพอร์ทเป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ในการออนไลน์ที่ดีที่สุด
เมื่อคุณคุ้นเคยกับการใช้งาน VPN แล้ว ไม่ลองเปลี่ยนพอร์ทหลักของคุณดูล่ะ เราแนะนำให้คุณลองปรับแต่ง VPN ตามแบบที่คุณต้องการ นี่เป็นไอเดียที่ดีแน่นอนหากคุณกำลังจะใช้ VPN เพื่อการสตรีมหรือเพื่อรับส่งข้อมูลจำนวนมาก
 
 
5. เปลี่ยนโปรโตคอล
เช่นเดียวกับพอร์ท เราแนะนำให้คุณเปลี่ยนโปรโตคอลหากคุณพบกับปัญหาการเชื่อมต่อ ปกติแล้ว VPN จะยอมให้คุณเชื่อมต่อกับ TCP (Transmission Control Protocol) หรือ UDP (User Datagram Protocol) UDP นั้นมักจะเร็วกว่าแต่ TCP จะคอยแก้ไขความผิดพลาดหากพบว่าเกิดอะไรขึ้น การเปลี่ยนโปรโตคอลเลยเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่จะลอง หากคุณพบกับปัญหาความเร็วอินเทอร์เน็ตหรือการเชื่อมต่อ ลองเปลี่ยนโปรโตคอลและดูว่าทางเลือกไหนที่ใช้ได้ผล
 
 
6. ตรวจ Wi-Fi ของคุณอีกครั้ง
หากคุณพบปัญหาเพียงแค่ VPN ไม่เชื่อมต่อหรือไม่ผ่านการยืนยันตัวตน ลองเปลี่ยนไปใช้สัญญาณจากเราเตอร์หรือฮ็อตสป็อตอื่นๆ ปัญหาอาจจะเกิดการอินเทอร์เน็ตของที่บ้านคุณแทนที่เป็นที่ VPN ก็ได้ ลองใช้บริการ Wi-Fi อื่นๆ แล้วดูว่าปัญหายังคงเกิดขึ้นหรือไม่
หากปัญหายังคงอยู่แปลว่าปัญหาเกิดจากการตั้งค่า VPN ของคุณ แต่หากมันดีขึ้น ก็ถึงเวลาแล้วที่จะดูการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตของที่บ้านให้ดีๆ
 
 
7. เชื่อมต่อกับแบบอีเทอร์เน็ตโดยตรง
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้อีเทอร์เน็ตนั้นเป็นอีกวิธีทีเพื่อดูว่าปัญหาเกิดจาก Wi-Fi หรือไม่ ต่อสายมาจากเราเตอร์หรืออุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi แล้วลองใช้งาน VPN ดูอีกครั้ง หากยังพบปัญหาแบบเดิม นี่อาจจะเป็นปัญหาที่ฮาร์ดแวร์ แต่หากปัญหาหายไปนั่นแปลว่าการเชื่อมต่อไวไฟของคุณนั้นคือสาเหตุ
 
 
8. ลองตรวจไฟร์วอลของคุณอีกครั้ง
การตั้งค่าไฟร์วอลของ PC นั้นมักจะสร้างความปวดหัวให้กับผู้ใช้งาน VPN บ่อยๆ ไฟร์วอลนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่มันมักจะคอยบล็อคการเชื่อมต่อที่คุณตั้งใจและไม่ได้เป็นอันตรายด้วย คุณอาจจะลองตั้งให้การเชื่อมต่อของคุณเป็น “ข้อยกเว้น” หากคิดว่าไฟร์วอลบล็อคมันไว้
นอกจากนี้ อาจจะลองปิดไฟร์วอลชั่วคราวดู วิธีนี้หากคุณยังพบปัญหาการเชื่อมต่อกับ VPN คุณจะได้รู้ว่าไม่ได้มาจากไฟร์วอล แต่หากคุณเชื่อมต่อได้ง่ายๆ เมื่อปิดไฟล์วอล นี่ถึงเวลาที่ต้องตั้งค่าไฟร์วอลไหมแล้ว
 
 
9. ปิดโปรแกรมอื่นๆ
 
นี่เป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยเกิดนักกับปัญหาการใช้งาน VPN โดยสาเหตุมาจากโปรแกรมหรือแอพอื่นๆ ที่เปิดอยู่ขณะนั้น เราแนะนำว่าคุณควรติดตั้ง VPN เจ้าเดียวในเครื่องของคุณเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ExpressVPN หรือเจ้าอื่นๆ นอกจากนี้ การที่ VPN ปิดจากการทำงานล้มเหลวมักจะหมายถึงให้คุณปิดสิ่งอื่นที่เปิดอยู่ด้วย
ลองปิดแอพหรือโปรแกรมอื่นๆ ทั้งหมด และเปิด VPN ขึ้นใหม่ หากยังพบปัญหา แสดงว่าปัญหานั้นเกิดจากตัว VPN แต่ถ้าไม่ คุณอาจจะต้องระวังในการค่อยๆ โหลดโปรแกรมหรือแอพใหม่เพื่อให้มั่นใจว่าโปรแกรมเหล่านั้นมีความเสถียร
 
 
10. ผู้ใช้งานคนอื่นเจอปัญหาเหมือนกันไหม
ไม่ว่าคุณจะรู้จักกับผู้ใช้งานที่อยู่ในประเทศที่ตั้ง VPN หรือไม่ คุณก็ควรลองตรวจสถานะการให้บริการ แบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง NordVPN  จะคอยประกาศหากเกิดสัญญาณขาดหาย ดังนั้นคุณควรจะติดตามโซเชียลมีเดียของผู้ให้บริการไว้ หากผู้ใช้งานคนอื่นๆ พบปัญหาเชื่อมต่อไม่ได้เหมือนกัน ปัญหาจะถูกแก้ไขในไม่ช้า แต่หากไม่ โชคไม่ดีนักที่ปัญหาอาจจะเกิดแค่กับคุณ VPN เจ้าที่ดีนั้นจะคอยรายงานเรื่องสัญญาณขาดหายและการอัพเดตโปรแกรมเป็นประจำ